บทวิเคราะห์

ลิเวอร์พูลพลิกนรก คุ้มค่าต่อการอดนอน

ลิเวอร์พูลพลิกนรก กลับมาชนะจุดโทษคุ้มค่าต่อการอดนอน

ลิเวอร์พูลพลิกนรก ปกติบอลถ้วยเล็กสุดอย่าง คาราบาว คัพ เราจะไม่มานั่งดูจริงจังเท่าไหร่เพราะส่วนใหญ่แต่ละทีมส่งเด็กและสำรองลงมาวัดดวงแต่เกมที่ แอนฟิลด์ ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เลสเตอร์ ปล่อยผ่านไปคงนอนไม่หลับแน่ๆ  “หงส์แดง” ภายใต้ยุค เยอร์เก้น คล็อปป์ มีบางสิ่งบางอย่างที่ใครก็ไม่สามารถหาคำอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าทำไมถึงพิเศษเหนือชาวบ้านชาวช่องเขาการ “คัมแบ็ค” เหนือ “จิ้งจอก”

ลิเวอร์พูลพริกนรก

ลิเวอร์พูลกลับมาได้อย่างยิ่งใหญ่

มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อดูจากสภาพทุเรศทุรัง จนตามหลังในครึ่งแรก 3-1 (และน่าจะโดน 4-5 ลูกด้วยซ้ำ) เรียกว่าน่าจะมีหลายคนที่ปิดไฟเข้านอนเก็บแรงไว้ตื่นมาทำงานน่าจะเกิดประโยชน์มากว่า

ณ วินาทีนั้นคนที่ยังขืนใจยอมดูต่อ เชื่อว่าไม่ได้หวังอะไรนอกจากแค่ไม่แพ้น่าเกลียดคาบ้านก็พอใจแล้ว คือ JK แกเข็นทีมชุดนี้มาได้สุดเท่านี้จริงๆ

ก่อนคิกออฟไม่ว่าใครหน้าไหนเห็นการจัด ไลน์ อัพ คงทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วเพราะ เลสเตอร์ ของ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส มาแบบ Full team กะเข้ารอบรองแน่นอน

ผิดกับทาง JK ที่เรียกว่าไม่มีทางเลือกส่งแข้งดาวรุ่งทั้งเข้าๆ ออกๆ ในทีมชุดใหญ่และพวกที่เล่นกับทีมยู-23 ไล่ตั้งแต่ เนโก วิลเลี่ยมส์, ไทเลอร์ มอร์ตัน, บิลลี่ คูเมติโอ และ คอเนอร์ แบรดลี่ย์

ที่หนักไปกว่านั้นน้อง เนโก ถูกดันไปเล่นกองหน้าฝั่งขวาหรือในตำแหน่งของ โม ซาลาห์ ด้วยซ้ำ

ทั้ง 11 ตัวมีแค่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คนเดียวที่เป็นผู้เล่นตัวจริงจากชุดขาประจำ (แถมเพิ่งหายไข้และเหมือนยังไม่ฟิต) ส่วน โรแบร์โต้ ฟีร๊เมียโน่ หายเจ็บมาไม่นานจึงถูกส่งมาเคาะสนิม

อย่างที่เห็นกัน “จิ้งจอก” น่าจะส่งเจ้าถิ่นขึ้นเมรุตั้งแต่ครึ่งแรกหลังรูปเกมที่ออกมา “กระดูกคนละเบอร์” จุดที่ทำให้ทีมเยือนไม่ต้องทำอะไรมากคือเข้าไปใกล้ๆ หรือ วิ่งไปพร้อมเสียงฝีเท้านักเตะจูเนียร์ “หงส์” จะจ่ายเสียเองเสมอโดยเฉพาะฝั่งขวาที่ แบรดลีย์ กับ เนโก้ combine เมื่อบอลครองได้ไม่นานและไลน์เซนเตอร์ดันสูงความหายนะจึงเกิดขึ้น 2 ประตูใน 13 นาทีมาจากการเสียบอลเองล้วนๆ

ลิเวอร์พูลพลิกนรก

ปัญหาใหญ่ของลิเวอร์พลู ในการจัดตัวผู้เล่น

คือ โจ โกเมส เป็นรุ่นพี่แท้ ๆ แต่แทนที่จะช่วยประครองกลับสร้างภาระตั้งแต่ต้นจนจบ

จับบอลลั่นจนเกือบถูก วาร์ดี้ ยิงฝัง 4-1 โดยที่ก่อนหน้านั้น 6 นาที คูเมติโอ เสียบอลกลางสนามยังดีที่รอดตัว

เจ้าของฉายาที่แฟน “หงส์” (เมืองไทย) ตั้งให้คือ โจ โกเหม่อ คือวันนี้หมดจริง ๆ แม้กระทั่งครึ่งหลังที่เพื่อนๆเล่นดีทีมกำลังมาแกก็คอยจ่ายบอลเสียง่าย ๆ ตลอดเวลา

ศักยภาพตอนนี้ โกเมส ห่างจากทีมตัวจริงค่อนข้างเยอะ พูดง่ายๆ คือรอย้ายแน่ครับแต่จะตลาดไหนเท่านั้นเองเพราะถ้า แนท ฟิลลิปส์ (ที่มองว่าแน่นกว่าแต่ดันช้า) ไปมกราคมนี้ต้องอยู่สแตนบายเอาไว้เป็นตัวเลือกที่ 4 อยู่แล้ว

JK เห็นและสรุปได้ว่าใจอย่างเดียวสู้ไม่ไหวจริงๆ จนเราไม่เคยเห็นสิ่งที่แกทำบ่อยนักนั่นคือการเปลี่ยนรวดเดียวหลังพักครึ่ง 3 ตัวด้วยการเอารุ่นพี่อย่าง มิลเนอร์, โกนาเต้ และ โชต้า เพื่อดันเพดานให้ขยับขึ้นมาใกล้ขุมกำลังของ เลสเตอร์

เกมของเจ้าถิ่นดีขึ้นผิดหูผิดตาและแทบจะขึงเกมเกือบข้างเดียว การเอาตัวรอดเมื่อถูกเพรสไม่ลักลั่นเสียง่ายๆเหมือนครึ่งแรกในขณะที่แนวรับได้ความใหญ่ของ โกนาเต้ เข้ามาทุกอย่างดู “สงบ” จน วาร์ดี้ หายไปจากเกม

โชต้า ยังเป็นผู้เล่นที่หาตำแหน่งดีและอยู่ถูกที่ถูกเวลาก่อนยิงประตูไล่มา 3-2 ที่เครดิตเกินครึ่งต้องให้ มินามิโนะ ที่ปาดบอลไวจนได้แอสซิสต์สวยๆ

น่าเสียดายที่ “ทากิ” ไม่ได้จบเกมนี้แบบหล่อๆหลังยิงจุดโทษคนสุดท้ายเช็ดคานแต่ท้ายที่สุดแล้วหากไม่มีประตูเทคนิคพักอกและยิงได้เลยในนาที 90+5 “หงส์แดง” น่าจะหยุดไว้ที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแล้ว

จังหวะนี้ เอ็นดีดี้ เล่นดีมาทั้งเกมแต่กะจังหวะลูกเปิดของ มิลเนอร์ ไม่ดีจน “ว่าว” คือเสี้ยววินาทีเดียวจริงๆครับขอแค่โหม่งโดนคือ เลสเตอร์ เข้ารอบเลยเพราะจังหวะแบบนี้ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นอีกในอีก 1 นาทีที่เหลือ

การดวลจุดโทษอาจเป็นฝั่ง “หงส์” ที่สภาพจิตใจย่อมดีกว่า เลสเตอร์ แน่นอน คนกำลังจะเข้ารอบกับกำลังจะตกรอบต่อให้ทำหน้านิ่งแค่ไหนสภาพจิตใจต่างกันแน่นอน

ลิเวอร์พูล จับฉลากพบ อาร์เซนอล ในรอบรองชนะเลิศซึ่งแน่นอนครับเรามั่นใจไว้ได้เลยว่าบอลรอบลึกขนาดนี้การจัดทีมจะออกแนวผสมที่แกร่งขึ้นกว่าเดิมเพราะไม่ว่าใครอีกแค่ 3 นัดถึงแชมป์ย่อมอยากได้ทั้งนั้น

แต่อาจต้องเผื่อใจไว้บ้างเนื่องจากทั้ง 2 เกมกับ “ปืนใหญ่” เตะในช่วงเดือนมกราคมซึ่งชนกับ แอฟริกัน เนชั่น คัพ และทำให้ทั้งเดือน คล็อปป์ จะมีโปรแกรมเตะมากถึง 6 นัด

ครับไม่ว่า “หงส์” จะเหยียบ เวมบลีย์ เป็นแรกนับตั้งแต่ปี 2016 หรืออาจจะเป็น เวมบลีย์ แรกของนักเตะระดับโลกอย่าง โม ซาลาห์ / เวอร์กิล ฟาน ไดคจ์ หรืออาจจะตกรอบด้วยน้ำมือของ อาร์เซนอล ที่ตอนนี้ฟอร์มขึ้นหม้อพร้อมเจอกับทุกทีม

ไม่ว่าบั้นปลายผลลัพท์ออกมาอย่างไรที่แน่ๆนี่คือน้ำพักน้ำแรงของเด็กๆและแข้งสำรองซึ่งสวมบท “ตายในหน้าที่” ฝ่าฝันตั้งแต่รอบ 3 รวม 4 เกมที่เหล่า เดอะ ค็อป จะไม่มีลืมแน่นอน

 

โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ เรื่องราวสมัยเด็ก