ตำนานสโมสร

เควิน คีแกน มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกมตำนานลิเวอร์พูล

เควิน คีแกน มิดฟิลด์อัจฉริยะตัวสร้างสรรค์เกม

เควิน คีแกน มีเรื่องราวอันน่าจดจำมากมายขณะที่เขาสวมเสื้อสีแดงของ “ลิเวอร์พูล” เขาเป็นทั้งนักเตะแนวรุกอัจฉริยะ และเป็นทั้งซูเปอร์สตาร์ในทศวรรษที่ 70 เควินคีแกนมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในฐานะตัวสร้างสรรค์เกม ซึ่งให้ทีมของ “บิล แชงคลีย์ ” กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ ความสำเร็จของเขารวมถึงแชมป์ลีก 3 สมัย และแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพอีก 1 สมัย

ประวัติส่วนตัว

โจเซฟ เควิน คีแกน (เกิด 14 กุมภาพันธ์ 1951) เป็นอดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวอังกฤษ เขาเคยเล่นให้กับหลาย ๆ สโมสร ซึ่งรวมไปถึง ลิเวอร์พูล และ ฮัมบูร์ก โดยหลังจากที่แขวนสตั๊ดก็ผันตัวไปรับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมให้กับหลายสโมสร ได้แก่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, ฟูแล่ม และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเขาสามารถพาทั้งสามสโมสรคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ทั้งหมด และยังเคยรับหน้าที่คุมทีมชาติอังกฤษอีกด้วย

เควิน คีแกน

ประวัติการค้าแข้ง

สคันธอร์ป ยูไนเต็ด (1966-1971)

  คีแกนเปิดตัวเป็นครั้งแรกด้วยวัย 17 ปี ในเกมที่พบกับ ปีเตอร์โบโร่ ยูไนเต็ด และลงสนามได้โอกาส 29 เกมในลีกฤดูกาลแรกของเขา หลังจากนั้นเขาก็ได้ขึ้นเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงของทีมในฤดูกาล 1969-70 และลงเล่นไปทั้งหมด 46 เกมให้กับทีม คีแกน เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกมด้านขวาให้กับ สคันธอร์ป ยูไนเต็ด เขายิงได้ 18 ประตูจาก 124 เกมให้กับสโมสร แต่ในปี 1971 เขาได้รับความสนใจจาก บิล แชงค์ลีย์ ซึ่งในขณะนั้นรับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล ได้ดึงตัวเขามาร่วมทัพด้วยค่าตัว 35,000 ปอนด์ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) ในวัย 20 ปี

ลิเวอร์พูล (1971-1977)

ในวันที่ 14 สิงหาคม 1971, คีแกนแจ้งเกิดเป็นครั้งแรกในเกมที่พบกับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่สนาม แอนฟิลด์ และสามารถทำประตูได้หลังจากที่ลงสนามมาเพียงแค่ 12 นาทีแม้ว่าตอนแรกในสัญญาระบุว่าเขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลาง แต่ด้วยความสามารถของเขาทำให้บิล แชงค์ลีย์ โยกเขาขึ้นไปเล่นเป็นศูนย์หน้าคู่กับ จอห์น โตแช็คจากการย้ายไปสู่ถิ่นแอนฟิลด์ ทำให้ทีมชาติอังกฤษดึงตัวเขาไปติดธงในชุดยู-23 ในปี 1971

ในปี 1973, คีแกนได้สร้างชื่อเป็นเกียรติประวัติให้กับตัวเองด้วยการพาสโมสร ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 7 ปี ร่วมกับ จอห์น โตแช็ค หัวหอกคู่บุญ และคว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ ซึ่ง คีแกน ยิงได้สองประตูในรอบชิงชนะเลิศเลกแรกที่พบกับ “สิงห์หนุ่ม” โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค และก็เป็นทางด้าน “หงส์แดง” ที่เอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 3-2

แม้ว่าในปีต่อมาคีแกนจะยิงประตูให้กับทีมได้มากขึ้น แต่ ลิเวอร์พูล ต้องเสียแชมป์ลีกให้กับลีดส์ ยูไนเต็ดที่ในฤดูกาลนั้นพวกเขาไม่เคยแพ้ใครยาวนานเป็นสถิติถึง 29 เกมตั้งแต่ออกสตาร์ท อย่างไรก็ตาม “หงส์แดง” ได้เถลิงแชมป์ เอฟเอ คัพ ด้วยการเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 3-0 ที่สนาม เวมบลีย์ โดยที่เขายิงคนเดียวสองประตูในเกมนั้น และคว้าแชมป์ได้ในที่สุด

และ 3 เดือนต่อมา คีแกนก็ได้กลับไปเล่นที่สนามเวมบลีย์อีกครั้งในเกมชาริตี้ ชิลด์พบกับแชมป์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา ลีดส์ ยูไนเต็ด อย่างไรก็ตามได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างเขากับบิลลี่เบรมเนอร์กัปตันทีม “ยูงทอง” จนกระทั่งผู้ตัดสินได้แจกใบแดงไล่ทั้งคู่ออกจากสนามซึ่งการปะทะกันครั้งนั้นทั้งสองฝ่ายถูกปรับกันคนละ 500 ปอนด์ (ประมาณ 27,000 บาท) และคีแกนยังถูกแบนไปอีก 3 เกมส่วนทางเบรมเนอร์คู่กรณีถูกแบนไปถึง 8 เกม

ในปี 1977

คีแกน ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าทริปเปิลแชมป์ ได้แก่ แชมป์ลีกสูงสุด, แชมป์ลีก คัพ และ แชมป์ ยูโรเปียน คัพ แม้ว่าเขาจะตัดสินใจประกาศอำลาสโมสรในช่วงซัมเมอร์หน้า อย่างไรก็ตาม คีแกน สามารถพาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศในฟุตบอลถ้วยทั้งสองรายการ เขาสวมเสื้อสีแดงเพลิงที่เป็นชุดเหย้าของ ลิเวอร์พูล เป็นเกมสุดท้ายในชีวิตของเขา ในเกม เอฟเอ คัพ รองชิงชนะเลิศ ซึ่งผลปรากฏว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายคว้าแชมป์รายการนี้ไป แต่อีก 4 วันต่อมา ฟุตบอลรายการ ยูโรเปียน คัพ รอบชิงชนะเลิศ ในกรุงโรม ที่พบกับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยิงประตูให้กับทีมได้ แต่เขาก็สามารถเรียกฟาวล์ และกลายเป็นจุดโทษ ก่อนที่ ฟิล นีล จะรับหน้าที่สังหาร จนในท้ายที่สุด ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะ “สิงห์หนุ่ม” 3-1 คว้าแชมป์ไปครอง

หลังจากที่เขาลงสนามให้กับ”หงส์แดง” 323 นัดและยิงไปได้ 100 ประตูคีแกนก็ได้อำลาทีมไปตามที่ได้เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้โดยตัดสินใจเลือกที่จะย้ายไปซบฮัมบูร์กยอดทีมจากเมืองเบียร์ด้วยค่าตัว500,000 ปอนด์(ประมาณ 27 ล้านบาท)ซึ่งในตอนนี้ลิเวอร์พูลก็ได้ดึงตัวเคนนี่ ดัลกลิช เข้ามาแทนที่ในตำแหน่งของเขาโดยคีแกน ได้กล่าวในภายหลังว่า “สิ่งเดียวที่ผมกลัวก็คือการไม่สามารถยิงประตูต่อหน้าสาวกเดอะ ค็อปได้ ซึ่งผมอาจจะตายได้เลยถ้ามันเกิดขึ้น เมื่อพวกเขาเริ่มร้องเพลง ‘You’ll Never Walk Alone’ อยู่ๆน้ำตาของผมมันก็ไหลออกมาและมีหลายครั้งที่ผมร้องไห้ในขณะที่ผมกำลังลงเล่นอยู่ในสนาม”

เกียรติประวัติและผลงานที่ผ่านมากับสโมสรลิเวอร์พลู

ลิเวอร์พูล
          – แชมป์ ดิวิชั่น หนึ่ง 3 สมัย : (1972-73, 1975-76, 1976-77)
          – รองแชมป์ ดิวิชั่น หนึ่ง 2 สมัย : (1973-74, 1974-75)
          – แชมป์ เอฟเอ คัพ 1 สมัย : (1974)
          – รองแชมป์ เอฟเอ คัพ 1 สมัย : (1977)
          – แชมป์ เอฟเอ ชาริตี้ ชิลด์ 3 สมัย : (1974, 1976)
          – แชมป์ ยูโรเปียน คัพ 1 สมัย : (1977)
          – แชมป์ ยูฟ่า คัพ 1 สมัย : (1973, 1976)

 

อลัน ฮันเซ่น ตำนานลิเวอร์พูลกับแชมป์ลีก 8 สมัย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *